วันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2004 เป็นวันที่เครื่องเล่นเกมพกพา Nintendo DS เปิดตัวอย่างเป็นทางการ และวันนี้ถือเป็นวันครบรอบ 20 ปีของเครื่องเกมที่ได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม โดยมียอดขายรวมกว่า 150 ล้านเครื่องทั่วโลก ถือเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์เกมที่ประสบความสำเร็จที่สุดในประวัติศาสตร์ของ Nintendo
นวัตกรรมใหม่: สองจอแสดงผลและหน้าจอสัมผัส
Nintendo DS ได้พลิกโฉมการเล่นเกมด้วยการนำเสนอ หน้าจอคู่ ที่สามารถแสดงผลได้พร้อมกัน โดยหน้าจอด้านล่างรองรับการสัมผัสด้วยปากกาทัชสกรีน ผู้เล่นสามารถควบคุมเกมได้อย่างง่ายดายและเป็นธรรมชาติ ทำให้เกิดการเล่นเกมรูปแบบใหม่ๆ ที่ไม่เคยมีมาก่อน เช่น เกม nintendogs ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้เล่นเลี้ยงและฝึกสุนัขเสมือนจริง
เกมเพื่อการศึกษาและพัฒนาสมอง
หนึ่งในประเภทเกมที่ได้รับความนิยมบน Nintendo DS คือ เกมฝึกสมอง เช่น Brain Age หรือ ดร. คาวาชิมะ ที่ออกแบบมาเพื่อเสริมสร้างความคิดและสมาธิ นอกจากนี้ยังมีเกมเพื่อการใช้งานจริง เช่น DS Cooking Navi ที่ช่วยสอนการทำอาหารผ่านหน้าจอสัมผัส ทำให้ผู้ใช้หลากหลายวัยสามารถเข้าถึงได้ง่าย
การเชื่อมต่อแบบไร้สาย: เพิ่มความสนุกแบบไร้ขีดจำกัด
ฟีเจอร์ที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่งของ Nintendo DS คือ การเชื่อมต่อไร้สาย ที่ช่วยให้ผู้เล่นสามารถแข่งขันหรือแบ่งปันเกมกับผู้อื่นได้โดยไม่ต้องใช้สายเชื่อมต่อ นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ PictoChat ที่เปิดโอกาสให้ผู้เล่นส่งข้อความและวาดภาพสื่อสารกันแบบเรียลไทม์
การพัฒนาและความสำเร็จของรุ่น DS Lite
ในปี 2006 Nintendo ได้เปิดตัว Nintendo DS Lite ที่มีขนาดเล็กลงและน้ำหนักเบาขึ้น ทำให้ความนิยมของเครื่องเกมนี้พุ่งสูงขึ้นจนกลายเป็นปรากฏการณ์ทางสังคม หลายคนถึงกับต้องต่อคิวรอซื้อเครื่อง DS Lite เนื่องจากขาดตลาด
การสื่อสารผ่านระบบ StreetPass และความทรงจำในเกมยอดนิยม
ระบบ StreetPass ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้เล่นสื่อสารและแลกเปลี่ยนข้อมูลกับผู้เล่นคนอื่นในระหว่างการเดินทาง ได้เพิ่มความสนุกและสร้างประสบการณ์ที่แตกต่าง โดยเฉพาะเกมอย่าง Dragon Quest IX ที่มีการแลกเปลี่ยนแผนที่ลับที่ได้รับความนิยมสูง
Nintendo DS เป็นมากกว่าเครื่องเล่นเกมพกพา แต่เป็นสัญลักษณ์แห่งนวัตกรรมที่เปิดมิติใหม่ให้กับการเล่นเกม ด้วยฟีเจอร์หน้าจอคู่และการสัมผัส รวมถึงเกมที่หลากหลายและเข้าถึงง่าย ทำให้ Nintendo DS ยังคงอยู่ในใจของผู้เล่นทั่วโลก แม้เวลาจะผ่านไป 20 ปีแล้วก็ตาม
Cr. Famitsu
