โจนออฟอาร์ก 1431: เรื่องราววีรสตรีผู้เปลี่ยนประวัติศาสตร์ฝรั่งเศส | ประวัติศาสตร์โลก


ค้นพบเรื่องราวของโจนออฟอาร์ก วีรสตรีผู้ยิ่งใหญ่ที่เปลี่ยนวิถีสงครามร้อยปี จากชาวนาสู่นักรบ และการถูกประหารชีวิตในปี 1431 ที่กลายเป็นตำนาน

เมื่อพูดถึงวีรสตรีในประวัติศาสตร์โลก หลายคนคงนึกถึงโจนออฟอาร์ก (Joan of Arc) หญิงสาววัยเพียง 19 ปีที่สามารถเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของฝรั่งเศสและประวัติศาสตร์ยุโรปตลอดกาล

วันที่ 30 พฤษภาคม ค.ศ. 1431 ถือเป็นวันที่โลกสูญเสียบุคคลสำคัญคนหนึ่งของประวัติศาสตร์ เมื่อโจนออฟอาร์กถูกประหารชีวิตด้วยการเผาทั้งเป็น ณ ตลาดเก่าในเมือง Rouen ประเทศฝรั่งเศส

จุดเริ่มต้น: จากหมู่บ้านเล็กๆ สู่ประวัติศาสตร์โลก

ชีวิตในวัยเด็กและการได้รับ "นิมิต"

โจนออฟอาร์ก เกิดในปี ค.ศ. 1412 ที่หมู่บ้าน Domrémy ทางตะวันออกเฉียงเหนือของฝรั่งเศส ในครอบครัวชาวนาธรรมดา ช่วงเวลานั้นฝรั่งเศสกำลังอยู่ในภาวะสงครามร้อยปีกับอังกฤษ (Hundred Years' War)

สิ่งที่ทำให้เธอแตกต่างคือการที่เธออ้างว่าได้รับ**"นิมิตจากสวรรค์"** เมื่ออายุ 13 ปี โดยได้ยินเสียงของนักบุญมิคาเอล, นักบุญมาร์กาเร็ต และนักบุญแคทเธอรีน ที่สั่งให้เธอไปช่วยเหลือฝรั่งเศสและนำเจ้าชาย Charles VII ขึ้นครองราชย์

การท้าทายบรรทัดฐานสังคม

ในยุคศตวรรษที่ 15 ผู้หญิงไม่มีสิทธิ์ทางการเมืองหรือการทหาร แต่โจนออฟอาร์กกล้าที่จะ:

  • ตัดผมสั้นและแต่งกายเป็นชาย
  • ขอพบเจ้าชาย Charles VII โดยตรง
  • เสนอตัวเป็นผู้นำทางการทหาร

การกระทำเหล่านี้ถือเป็นการปฏิวัติทางสังคมในยุคนั้น


ชัยชนะที่ออร์เลียง: จุดเปลี่ยนของสงครามร้อยปี

สถานการณ์ก่อนการมาถึงของโจนออฟอาร์ก

ในปี 1428-1429 เมืองออร์เลียงถูกกองทัพอังกฤษล้อมไว้ การล้อมครั้งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะหากอังกฤษยึดเมืองนี้ได้ ฝรั่งเศสจะแพ้สงครามอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ปาฏิหาตย์ที่ออร์เลียง

เมื่อโจนออฟอาร์กได้รับอนุญาตจากเจ้าชาย Charles VII ให้นำกองทัพ สิ่งที่เกิดขึ้นกลายเป็นปาฏิหาตย์ทางการทหาร:

  • ภายใน 4 วัน การล้อมออร์เลียงถูกทำลาย
  • กองทัพอังกฤษต้องถอยทัพอย่างรวดเร็ว
  • ชาวฝรั่งเศสได้เห็นความหวังใหม่หลังจากการปราชัยมาอย่างยาวนาน

การสถาปนากษัตริย์

หลังจากชัยชนะที่ออร์เลียง โจนออฟอาร์กสามารถนำ Charles VII ไปรับการสถาปนาเป็นกษัตริย์ ที่มหาวิหาร Reims ในปี 1429 ตามที่เธอได้รับ "นิมิต" มาตั้งแต่แรก

การล่มสลาย: จากวีรสตรีสู่เชลยศึก

การถูกจับที่ Compiègne

ในปี 1430 ขณะที่โจนออฟอาร์กพยายามปกป้องเมือง Compiègne เธอถูกกองทัพ Burgundian (พันธมิตรของอังกฤษ) จับตัวได้

สิ่งที่น่าเศร้าคือ กษัตริย์ Charles VII ไม่ได้พยายามไถ่ตัวเธอ ทิ้งให้เธอตกอยู่ในมือของศัตรู

การขายตัวให้อังกฤษ

พวก Burgundian ขายตัวโจนออฟอาร์กให้กับอังกฤษในราคา 10,000 ฟรังค์ทองคำ ซึ่งเป็นจำนวนเงินมหาศาลในยุคนั้น แสดงให้เห็นความสำคัญที่อังกฤษให้กับการจับกุมเธอ

การพิจารณาคดีที่ไม่ยุติธรรม

กลยุทธ์ของอังกฤษ

อังกฤษไม่สามารถประหารโจนออฟอาร์กในฐานะเชลยศึกได้ เพราะจะทำให้เธอกลายเป็นมรดกทางการเมือง พวกเขาจึงเลือกใช้ศาลศาสนาพิจารณาคดีในข้อหา:

  • นอกศาสนา (Heresy)
  • การใช้เวทมนต์ (Witchcraft)

การพิจารณาคดีที่มีผลลัพธ์กำหนดไว้

การพิจารณาคดีนี้ไม่ใช่การพิจารณาคดีที่ยุติธรรม:

  • โจนออฟอาร์กไม่มีทนายความ
  • ต้องต่อสู้กับนักบวช 60 คนด้วยตัวเพียงลำพัง
  • ผลลัพธ์ถูกกำหนดไว้แล้วตั้งแต่แรก

วันสุดท้าย: 30 พฤษภาคม 1431

การประหารชีวิต

ในวันที่ 30 พฤษภาคม 1431 โจนออฟอาร์กถูกนำตัวไปยังจัตุรัส Vieux-Marché ในเมือง Rouen เพื่อรับการประหารชีวิตด้วยการเผาทั้งเป็น

แม้จะอยู่ในสถานการณ์สิ้นหวัง เธอยังคง:

  • ยืนยันในความเชื่อของตัวเองจนวินาทีสุดท้าย
  • ขอให้นำไม้กางเขนมาให้มองเห็นขณะที่ไฟลุกโชน
  • เรียกชื่อพระเยซูคริสต์จนลมหายใจสุดท้าย

มรดกที่เหลือไว้: จากการประหารสู่การเป็นนักบุญ

ผลกระทบหลังการประหารชีวิต

การประหารชีวิตโจนออฟอาร์กไม่ได้ทำให้ฝรั่งเศสอ่อนแอลง ตามที่อังกฤษหวัง กลับกัน มันกลายเป็นแรงบันดาลใจให้ชาวฝรั่งเศสต่อสู้อย่างเข้มแข็งยิ่งขึ้น

ภายใน 22 ปีถัดมา ฝรั่งเศสสามารถขับไล่อังกฤษออกจากดินแดนส่วนใหญ่ได้สำเร็จ

การทบทวนคดีและการฟื้นฟูชื่อเสียง

  • ปี 1456: ศาลศาสนาคาทอลิกทบทวนคดีและประกาศว่าโจนออฟอาร์กบริสุทธิ์ คำพิพากษาเดิมถูกยกเลิก
  • ปี 1920: โจนออฟอาร์กได้รับการสถาปนาเป็นนักบุญโดยสมเด็จพระสันตะปาปา Benedict XV
  • กลายเป็นนักบุญประจำชาติฝรั่งเศส

บทเรียนสำหรับยุคปัจจุบัน

แรงบันดาลใจสำหรับผู้หญิงทั่วโลก

โจนออฟอาร์กกลายเป็นสัญลักษณ์ของความเสมอภาคทางเพศและแรงบันดาลใจสำหรับผู้หญิงที่ต้องการ:

  • ท้าทายระบบที่ไม่ยุติธรรม
  • ยืนหยัดในสิ่งที่ตนเชื่อ
  • เปลี่ยนแปลงสังคมและประวัติศาสตร์

ความหมายในโลกสมัยใหม่

เรื่องราวของโจนออฟอาร์กสอนให้เราเห็นว่า:

  • ความเชื่อมั่นและความกล้าหาญสามารถเปลี่ยนแปลงโลกได้
  • การต่อสู้เพื่อความยุติธรรมอาจต้องแลกด้วยการเสียสละ
  • มรดกของบุคคลสำคัญสามารถมีอิทธิพลต่อรุ่นหลังได้หลายศตวรรษ

สรุป: วีรสตรีที่ไม่มีวันตาย

โจนออฟอาร์กจากเด็กสาวชาวนาธรรมดาที่กลายเป็นวีรสตรีแห่งประวัติศาสตร์โลก เธอแสดงให้เห็นว่าการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่สามารถเกิดขึ้นได้จากบุคคลธรรมดาที่มีความมุ่งมั่นและความกล้าหาญ

แม้เธอจะถูกประหารชีวิตเมื่อ 593 ปีที่แล้ว แต่มรดกและแรงบันดาลใจของเธอยังคงมีชีวิตอยู่ในใจของผู้คนทั่วโลกจนถึงวันนี้


แหล่งอ้างอิง

  1. Britannica Encyclopedia - Joan of Arc Biography, Death, Accomplishments & Facts
  2. History.com - Joan of Arc: Facts, Passion, Death & Sainthood
  3. World History Encyclopedia - Joan of Arc Timeline
  4. Medieval Warfare Magazine - The Siege of Orléans 1428-1429
  5. Catholic Encyclopedia - Saint Joan of Arc


 

ใหม่กว่า เก่ากว่า