Dragon Quest VII : การเดินทางที่ไม่มีวันสิ้นสุด

 

วันนี้วันที่ 26 สิงหาคม เป็นวันครบรอบ 25 ปีของเกม Dragon Quest VII: Warriors of Eden หรือในชื่อภาษาญี่ปุ่นว่า ドラゴンクエストVII エデンの戦士たち! เกมนี้ถือเป็นภาคที่พลิกโฉมซีรีส์ Dragon Quest ไปอย่างสิ้นเชิง ทั้งในแง่ของเนื้อหาที่เข้มข้น และการเล่นที่ยาวนานจนได้ชื่อว่าเป็นภาคที่ใช้เวลาเล่นมากที่สุดในซีรีส์เลย
.
1. เรื่องราวของเกม


Dragon Quest VII เปิดตัวครั้งแรกบนเครื่อง PlayStation ในปี 2000 โดยเป็นภาคแรกของซีรีส์ที่เปลี่ยนจากภาพ 2D แบบดั้งเดิมมาเป็นภาพ 3D เต็มรูปแบบ ถึงแม้ว่ากราฟิกจะดูเหลี่ยม ๆ ตามสไตล์ยุคนั้น แต่ก็เต็มไปด้วยเสน่ห์ที่ไม่เหมือนใคร การพัฒนามีความล่าช้ากว่าที่คาดไว้มาก เนื่องจากทีมงานต้องการให้เกมสมบูรณ์แบบที่สุด และผลลัพธ์ที่ได้ก็คุ้มค่ากับการรอคอยเลยครับ
.
เนื้อเรื่องของภาคนี้แหวกแนวจากภาคอื่น ๆ ที่มักจะเริ่มจากโลกที่กำลังเผชิญกับภัยร้าย แต่ DQVII เริ่มต้นจากเกาะเล็ก ๆ ที่ชื่อว่า Estard ซึ่งเป็นเกาะเดียวที่หลงเหลืออยู่ในโลกนี้ ตัวละครหลักของเราพร้อมกับเพื่อนซี้เจ้าชาย Kiefer จึงออกเดินทางเพื่อกู้คืนโลกที่หายไปทีละส่วน ด้วยการเดินทางข้ามเวลาไปยังอดีตของเกาะต่าง ๆ เพื่อแก้ปัญหาและนำเกาะนั้นกลับมาสู่ปัจจุบันอีกครั้ง การเดินทางที่ซับซ้อนและยาวนานนี้ทำให้ผู้เล่นรู้สึกเหมือนได้ผจญภัยในโลกที่กำลังก่อร่างสร้างตัวไปพร้อม ๆ กัน
.
ในปี 2013 เกมได้ถูกนำมารีเมคลงบนเครื่อง Nintendo 3DS พร้อมกับอัปเกรดกราฟิกให้สวยงามยิ่งขึ้น และปรับปรุงระบบบางอย่างให้เล่นง่ายขึ้น รวมถึงมีการแปลเป็นภาษาอังกฤษในชื่อ Dragon Quest VII: Fragments of the Forgotten Past ในปี 2016 ด้วยเลยละครับ
.
2. ระบบที่ท้าทายและคุ้มค่า

ระบบเด่นที่สุดของภาคนี้คือ ระบบอาชีพ (Vocations) ที่มีความลึกซึ้งและซับซ้อนมาก ผู้เล่นสามารถเปลี่ยนอาชีพได้อย่างอิสระ เมื่อสะสมค่าประสบการณ์อาชีพครบตามที่กำหนด ก็จะสามารถปลดล็อกอาชีพขั้นสูงและอาชีพพิเศษได้ ซึ่งแต่ละอาชีพก็จะมีความสามารถและคาถาที่แตกต่างกันไป การจะเก่งได้ต้องใช้เวลาฝึกฝนและวางแผนการเปลี่ยนอาชีพอย่างรอบคอบ


นอกจากการต่อสู้แล้ว DQVII ยังมีระบบที่น่าสนใจอีกมากมาย เช่น ระบบ Monster Meadow ที่ให้เราสามารถจับมอนสเตอร์มาเลี้ยงและสร้างอาณาจักรของเราเองได้ เป็นระบบที่ช่วยเพิ่มความเพลิดเพลินและทำให้การเดินทางไม่น่าเบื่อ
.
การเล่นใช้เวลาค่อนข้างนาน บางคนบอกว่าต้องใช้เวลามากกว่า 100 ชั่วโมงในการเล่นให้จบเนื้อเรื่องหลัก ซึ่งนี่เป็นอีกหนึ่งจุดเด่นที่ทำให้เกมนี้ถูกจดจำในฐานะเกม RPG ที่มอบความคุ้มค่าให้แก่ผู้เล่นอย่างเต็มที่
.
3. ความสำเร็จของซีรี่ย์

Dragon Quest VII ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามในญี่ปุ่น โดยทำยอดขายได้มากกว่า 4 ล้านชุดบนเครื่อง PlayStation และครองแชมป์เกมที่ทำยอดขายสูงสุดบน PlayStation และเป็นเกมที่ทำยอดขายเปิดตัวสูงสุดในเวลานั้นอีกด้วยครับ
.
ความสำเร็จนี้ตอกย้ำถึงความนิยมของซีรีส์ Dragon Quest ที่ยังคงแข็งแกร่ง และแสดงให้เห็นว่าถึงแม้จะเปลี่ยนแพลตฟอร์ม แต่แฟน ๆ ก็ยังคงให้การสนับสนุนอย่างเหนียวแน่น
.
ถึงแม้เวลาผ่านไป 25 ปีแล้ว แต่ความทรงจำดี ๆ ที่มีต่อ Dragon Quest VII ก็ยังคงชัดเจนอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการผจญภัยอันยาวนาน การแก้ปัญหาปริศนาต่าง ๆ เพื่อกอบกู้โลกที่หายไป หรือการสนุกไปกับการเปลี่ยนอาชีพที่หลากหลาย ใครที่คิดถึงเกมนี้ ลองกลับไปเล่นอีกครั้งได้เลยครับ หรือถ้าใครยังไม่เคยลอง ก็เป็นโอกาสที่ดีที่จะได้สัมผัสกับหนึ่งในเกม RPG ที่ยอดเยี่ยมที่สุดในประวัติศาสตร์เกมญี่ปุ่นเลยละครับ
.
แล้วเพื่อน ๆ มีความทรงจำอะไรเกี่ยวกับ Dragon Quest VII บ้างมั๊ยครับ ? ลองมาแชร์กันในคอมเมนต์เลย!

ใหม่กว่า เก่ากว่า