วันนี้เราจะพาไปย้อนรอยเหตุการณ์สุดช็อกในอดีตที่หลายคนอาจไม่เคยรู้มาก่อน นั่นคือ "พายุใหญ่" หรือ "The Great Storm" ที่ถล่มอังกฤษตอนใต้ในปี 1703 ลองจินตนาการดูสิว่า พายุลูกเดียวกวาดเอาชีวิตคนไปกว่า 8,000 คน จะร้ายแรงขนาดไหน? ตามมาดูกันเลย! 👇
วันที่ 26 พฤศจิกายน 1703 คือวันที่ชาวอังกฤษทางตอนใต้ไม่มีวันลืม เพราะมันไม่ใช่แค่พายุธรรมดา แต่มันคือ พายุที่รุนแรงที่สุดเท่าที่อังกฤษเคยเผชิญมา ในยุคนั้นไม่มีระบบเตือนภัย ไม่มีเทคโนโลยีพยากรณ์อากาศที่ทันสมัย ทุกคนจึงต้องรับมือกับภัยพิบัติครั้งนี้อย่างไม่ทันตั้งตัว
เรื่องราวของเหตุการณ์: ความโกลาหลที่กินเวลานาน
💨 ความรุนแรงระดับทำลายล้าง: พายุ "The Great Storm" เริ่มก่อตัวขึ้นในช่วงค่ำของวันที่ 26 พ.ย. และพัดกระหน่ำติดต่อกันยาวนานถึงประมาณ 9 ชั่วโมง (บ้างก็ว่า 1-2 วัน) ด้วยความเร็วลมที่คาดการณ์ว่าอาจสูงถึง 120 ไมล์ต่อชั่วโมง (ประมาณ 190 กม./ชม.) เทียบได้กับพายุเฮอร์ริเคนระดับ 3 หรือ 4 ในปัจจุบันเลยทีเดียว!
🏡 ความเสียหายบนบก: ลมที่บ้าคลั่งได้พัดทำลายอาคารบ้านเรือนไปนับหมื่นหลังคาเรือน ต้นไม้ใหญ่ถูกโค่นถอนรากถอนโคน โบสถ์วิหารได้รับความเสียหายอย่างหนัก แม้แต่ยอดปล่องไฟที่แข็งแรงก็ยังถูกพัดปลิวไปไกล
🚢 โศกนาฏกรรมทางทะเล: จุดที่น่าเศร้าที่สุดคือความสูญเสียทางทะเล กองทัพเรืออังกฤษ (Royal Navy) เสียหายอย่างหนัก เรือรบถูกพัดเข้าฝั่งและจมลงไปกว่า 13 ลำ! ประมาณการว่ามีกะลาสีและทหารเรือเสียชีวิตในทะเลครั้งนี้มากกว่า 1,500 คน
⚰️ ตัวเลขผู้เสียชีวิต: มีการประเมินว่ายอดผู้เสียชีวิตรวมๆ จากทั้งบนบกและในทะเลสูงถึง 8,000 ถึง 15,000 คน เป็นตัวเลขที่น่าตกใจมากเมื่อเทียบกับจำนวนประชากรในยุคนั้น
เกร็ดความรู้และที่น่าสนใจ
บันทึกจากผู้รอดชีวิต: นักเขียนชื่อดัง แดเนียล เดโฟ (Daniel Defoe) ผู้ประพันธ์เรื่อง โรบินสัน ครูโซ คือหนึ่งในผู้ที่รอดชีวิตจากพายุครั้งนี้ เขาได้บันทึกรายละเอียดของเหตุการณ์เอาไว้ในหนังสือชื่อ "The Storm: or, a Collection of the most Remarkable Casualties and Disasters which happened in the Late Dreadful Tempest, both by Sea and Land" ถือเป็นงานที่รวบรวมเรื่องราวภัยพิบัติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดชิ้นหนึ่งในประวัติศาสตร์!
เป็นจุดเปลี่ยน: เหตุการณ์นี้กระตุ้นให้เกิดความตระหนักในการสร้างสิ่งปลูกสร้างที่แข็งแรงขึ้น และเป็นบทเรียนสำคัญในการเตรียมพร้อมรับมือกับภัยธรรมชาติ ถึงแม้จะเป็นยุคที่ยังไม่มีการพยากรณ์อากาศแบบจริงจัง แต่ผู้คนก็เริ่มเรียนรู้ที่จะสังเกตและเตรียมการมากขึ้น
ค่าเสียหายมหาศาล: ความเสียหายทางเศรษฐกิจในยุคนั้นสูงถึงกว่า 1-2 ล้านปอนด์ ซึ่งเทียบเท่ากับมูลค่าหลายพันล้านปอนด์ในปัจจุบัน!
เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับเรื่องราวของ "พายุใหญ่" ในปี 1703 ที่เรานำมาฝากกัน? มันแสดงให้เห็นว่า ธรรมชาติยิ่งใหญ่และทรงพลังแค่ไหน และทำให้เราเห็นคุณค่าของเทคโนโลยีพยากรณ์อากาศที่เรามีอยู่ในปัจจุบันเลยจริง ๆ
✨ ข้อคิด: เหตุการณ์ในอดีตสอนให้เราไม่ประมาทกับภัยธรรมชาติ และตระหนักถึงความสูญเสียที่เกิดขึ้นได้เสมอ
เพื่อนๆ คิดว่าถ้าพายุลูกนี้มาถล่มในยุคปัจจุบัน ผลจะเป็นอย่างไรบ้าง? หรือใครเคยได้ยินเรื่องราวแปลกๆ เกี่ยวกับพายุลูกนี้อีกไหม?
ถ้าชอบคอนเท้นหรือเรื่องราวแบบนี้สนับสนุน Blog หรือ Page เล็ก ๆ หรือค่ากาแฟให้ได้นะครับ 💗💗



